มูลนิธิส่งเสริมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
Foundation for the Promotion of Thai Traditional and Alternative Medicine
ค้นหา........
หน้าหลัก
รู้จักมูลนิธิ
ความเป็นมา
วัตถุประสงค์
กรรมการ
เอกสารสำคัญ
กิจกรรมมูลนิธิ
กิจกรรมเผยแพร่ภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยในวันสำคัญทางพุทธศาสนา
มหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ
โครงการต่างๆ
โครงการพัฒนาพิพิธภัณฑ์การสาธารณสุขฯ
พิพิธภัณฑ์
ความเป็นมา
ห้องนิทรรศการ
คลังภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย
คลังความรู้
e-Museum
ติดต่อมูลนิธิ
หน้าหลัก
รู้จักมูลนิธิ
ความเป็นมา
วัตถุประสงค์
กรรมการ
เอกสารสำคัญ
กิจกรรมมูลนิธิ
กิจกรรมเผยแพร่ภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยในวันสำคัญทางพุทธศาสนา
มหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ
โครงการต่างๆ
โครงการพัฒนาพิพิธภัณฑ์การสาธารณสุขฯ
พิพิธภัณฑ์
ความเป็นมา
ห้องนิทรรศการ
คลังภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย
คลังความรู้
e-Museum
ติดต่อมูลนิธิ
© Copyright 2024
ศาลา 1 พุทธศาสนากับการแพทย์แผนไทย
ศาลา 1 พุทธศาสนากับการแพทย์แผนไทย
ศาลา 1 พุทธศาสนากับการแพทย์แผนไทย
แสดงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพระพุทธศาสนากับสังคมไทย และการแพทย์แผนไทย
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภา ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธศาสนามาตั้งแต่ ครั้งอดีต ชนกลุ่มแรก ที่ปรากฏหลักฐานว่าเป็นพุทธศาสนิกชน คือ กลุ่มชนในวัฒนธรรมทวารวดี ซึ่งเจริญรุ่งเรืองอยู่ในระหว่างพุทธศตวรรษที่ 11 – 16 เมื่อมีการสถาปนา อาณาจักรสุโขทัยขึ้นเป็นราชธานี เมื่อราวพุทธศตวรรษที่ ๑๙ ซึ่งถือว่า เป็นรัฐไทยแห่งแรกบนผืนแผ่นดินนี้ พุทธศาสนาเป็นศาสนาหลักของชาติ และพุทธศาสนายังคงเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยสืบต่อมาในสมัย อยุธยาจนกระทั่งปัจจุบัน
พุทธศาสนาโดยเฉพาะลัทธิมหายาน ได้เจริญสูงสุดในช่วงกลาง พุทธศตวรรษที่ 18 ภายใต้การอุปถัมภ์ของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 พระองค์ทรงนับถือพุทธศาสนานิกายมหายาน และได้ทรงขยายอาณาเขตออกไปนอกประเทศกัมพูชา ครอบคลุมมาถึงส่วนหนึ่งของประเทศไทย พระองค์ได้สร้างธรรมศาลาขึ้นเป็น ที่พักของนักจาริกแสวงบุญ รวมทั้งสร้างอโรคยาศาลมากกว่า 100 แห่ง เพื่อรักษาคนป่วยทั้ง 4 วรรณะ โดยสถานพยาบาล ดังกล่าวนี้อยู่ภายใต้ความคุ้มครองของพระพุทธเจ้าผู้รักษาโรค ได้แก่ พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภา หรือพระผู้รักษาโรคผู้มีประกายแห่งไวฑูรย์ แสดงว่าพระไภษัชยคุรุไวทูรยประภา เป็นพระพุทธเจ้าแพทย์ ซึ่งชาวเขมรเคารพนับถือมากในช่วงพุทธศตวรรษที่ 18 โดยนิยมสร้างเป็นพระพุทธรูปประทับนั่งปางสมาธิ มีผอบที่มีฝาปิดอยู่ในพระหัตถ์
จากการสำรวจทางโบราณคดีที่พบโบราณสถานหลายแห่งในบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ที่คาดว่า น่าจะเป็นสถานพยาบาลหรืออโรคยาศาลของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เพราะได้พบพระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภา ภายในโบราณสถานเหล่านั้นด้วย เช่น ปรางค์กู่ จังหวัดชัยภูมิ กู่สันตรัตน์ จังหวัดมหาสารคาม เป็นต้น ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันที่แสดงให้เห็นถึงอิทธิพล ของพุทธศาสนานิกายมหายาน ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 18 ที่แผ่เข้ามายังดินแดนไทย
หมอชีวกโกมารภัจจ์ ปฐมครูด้านการแพทย์แผนไทย
แพทย์แผนไทยนับถือและยกย่องหมอชีวกโกมารภัจจ์ ว่าเป็นปฐมครูผู้รอบรู้ในศาสตร์ด้านการแพทย์ แผนไทยทุกแขนง หมอชีวกโกมารภัจจ์ เป็นแพทย์ประจำพระองค์ของพระเจ้าพิมพิสาร พระราชาแห่งแคว้นมคธ และเป็นหมอประจำพระองค์ของพระพุทธเจ้าและพระสงฆ์ผู้เป็นพุทธ สาวกทั้งหลาย ประวัติของหมอชีวกโกมารภัจจ์ เป็นเรื่องราวประวัติการแพทย์สมัยพุทธกาล ที่ยังคงทิ้งร่องรอยไว้ในพระไตรปิฎก โดยได้มีบันทึกผลงานการรักษาโรคของหมอชีวกโกมารภัจจ์ ครั้งสำคัญๆ หลายครั้ง ได้แก่ การรักษาเศรษฐีชาวกรุงราชคฤห์ ซึ่งป่วยเป็นโรคปวดศีรษะเรื้อรัง ด้วยการผ่าตัดที่ศีรษะ การผ่าตัดรักษาโรคลำไส้ขอดของลูกเศรษฐีชาวกรุงพาราณสี การรักษาพระโรคผอมเหลืองของพระเจ้าจัณฑปัชโชต (ผู้ครองกรุงอุชเชนี) การผ่าตัดบาดแผลที่พระบาทของพระพุทธเจ้า ซึ่งเกิดจากพระเทวทัตกลิ้งหินให้ทับพระองค์ และสะเก็ดหินแตกมาถูก ทำให้ห้อพระโลหิต
หมอชีวกโกมารภัจจ์ มีคุณูปการทั้งในด้านอาณาจักรและพุทธจักร พระพุทธเจ้าจึงได้ประทานเอตทัคคะให้แก่ หมอชีวกโกมารภัจจ์ เมื่อคราวประทับอยู่ที่เชตวัน กรุงสาวัตถี โดยได้รับสั่งแก่ภิกษุทั้งหลายว่า “ดูกรภิกษุทั้งหลาย บรรดาอุบาสก ผู้เป็นสาวกของตถาคต ซึ่งเป็นผู้มีความเลื่อมใสในบุคคล ชีวกโกมารภัจจ์เป็นเลิศ”
อ่านเพิ่มเติม
อ่านเพิ่มเติม
We use cookies from third party services for marketing activities to offer you a better experience.
Accept and close